วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รองนายกฯ ศก.แนะนักลงทุนอย่าตื่นตกใจ และกังวลกับสถานการณ์ระยะสั้น

รองนายกฯ ศก.แนะนักลงทุนอย่าตื่นตกใจ และกังวลกับสถานการณ์ระยะสั้น





รองนายกฯ ศก.มองหุ้นไทยร่วงแรงวันนี้ เกิดจาก นลท.ไทยมักจะตกใจ และกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระยะสั้น แนะอย่าไปตกใจจนเกินเหตุ และอย่ากังวลกับปัญหาดังกล่าว แนะให้ดูพื้นฐานระยะยาว
       
       นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงกรณีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 ต.ค.) ปรับตัวลงแรงกว่า 50 จุด และปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันที่ผ่านมา โดยมองว่า สาเหตุมาจากนักลงทุนไทยมักจะตกใจ และกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระยะสั้น แต่อยากให้มองการลงทุนที่พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขณะนี้ถือว่ายังคงมีความแข็งแกร่งในพื้นฐานของเศรษฐกิจ และขอให้เชื่อมั่นว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น และจะปรับตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้ อยากให้นักลงทุนระมัดระวัง และอย่ากังวลกับปัญหาดังกล่าว
       
       นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคลบริษัทหลักทรัพย์กสิรไทยจำกัด กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงวันนี้ถึง 50 จุด มีทั้งปัจจัยในประเทศ และปัจจัยต่างประเทศ ประกอบกับราคาหุ้นไทยค่อนข้างแพง โดยเฉพาะดัชนีหุ้นไทยที่เหนือระดับ 1,500 จุด ดังนั้น เมื่อเกิดข่าวลบมากระทบทำให้นักลงทุนเทขายหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงทันที โดยมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ไว้ที่ 1,530 จุด หรือระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิที่ 14-16 เท่า โดยดัชนีมีแนวรับสำคัญที่ 1,438 จุด ส่วนเป้าหมายหุ้นไทยในปี 2560 อยู่ที่ 1,540 จุด ระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิที่ 13-15 เท่า ดังนั้น การลงทุนควรจะเก็งกำไรในระยะสั้น และมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นประมาณร้อยละ 40 และถือเงินสดร้อยละ 60
       
       นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ส่งผลให้มีแนวโน้มที่เงินทุนต่างชาติจะไหลกลับไปสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยน้อยลง ส่วนการโต้วาทีตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ไม่มีผลต่อตลาด หากนางฮิลลารี คลินตัน มีคะแนนนำอยู่
       
       นายคเณศ วังส์ไพจิตร ผู้อำนวยการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือเดือนธันวาคม 2559 ปรับตัวลดลงร้อยละ 26.19 จากระดับ 140.68 เป็น 103.84 ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว โดยมีปัจจัยมาจากการที่สหรัฐอเมริกา ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยความเชื่อมั่นปรับลดลงทุกกลุ่ม โดยนักลงทุนต่างชาติปรับลดลงมากที่สุดถึงร้อยละ 36.36 รองลงมาเป็นนักลงทุนรายบุคคลปรับตัวลดลงร้อยละ 25.50 และนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลดลงร้อยละ 13.45 สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ บริการรับเหมาก่อสร้าง ส่วนหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ เป็นหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด
       
       นายสมประวิณ มันประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยคาดว่า ขยายตัวร้อยละ 3.2 โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการลงทุนภาครัฐ และการบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยว ซึ่งแม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญของจีน แต่ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวระยะสั้นเพียง 3 เดือนเท่านั้น ขณะที่การส่งออกยังไม่ฟื้นตัว โดยคาดหดตัวร้อยละ 2 เรื่องจากเศรษฐกิจโลกเติบโตเพียงร้อยละ 3.1 ปริมาณการค้าโลกลดลง ประกอบกับไทยมีปัญหาเรื่อง โครงสร้างสินค้าส่งออกด้วย จึงทำให้การส่งออกยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ

ที่มา : http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000102037

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น