วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559

คาลเท็กซ์เตรียมรุก Nonoil ทุ่มพันล้านผุดปั๊มใหม่ 70 แห่ง


       

คาลเท็กซ์เตรียมรุก Nonoil ทุ่มพันล้านผุดปั๊มใหม่ 70 แห่ง





    นายบุญญฤทธิ์ ศรีอ่อนคง ผู้จัดการฝ่ายองค์กรและรัฐสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ในฐานะผู้บริหารสถานีบริการน้ำมันแบรนด์คาลเท็กซ์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แผนขยายสถานีบริการน้ำมันของคาลเท็กซ์ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ ในช่วง 3 ปีนี้ (59-61) จะขยายสถานีบริการ 20 แห่ง/ปี รวมสถานีบริการใหม่ทั้งสิ้น 70 แห่ง ลงทุนอยู่ที่ 20-30 ล้านบาท/แห่ง รวมการลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยในปีนี้ขยายไปแล้ว 13 แห่ง ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้จะขยายได้ครบ 20 แห่งแน่นอน นอกจากนี้คาลเท็กซ์ยังมีการปรับปรุงสถานีบริการเดิมให้มีความใหม่และทันสมัยมากขึ้นด้วย โดยในปีนี้ยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการของคาลเท็กซ์ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7-8 เนื่องจากจัดส่งเสริมการขายต่อเนื่อง รวมถึงมีการทำตลาดน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมคือ "คาลเท็กซ์เทครอน"

แต่ขายในราคาปกติ ซึ่งผู้บริโภคให้ความสนใจค่อนข้างมาก เนื่องจากน้ำมันสูตรดังกล่าวตอบสนองการดูแลเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันเป็นหลัก

ปัจจุบันธุรกิจเสริมภายในสถานีบริการ (Nonoil) มีรองรับความต้องการที่หลากหลายทั้งร้านสะดวกซื้อมินิบิ๊กซี ลอว์สัน และแฟมิลี่มาร์ท รวมถึงร้านกาแฟดิโอโร่ และอื่น ๆและคาดว่าในปีหน้าจะเปิดตัวพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาร่วมให้บริการในสถานีบริการซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างเจรจากับหลายแบรนด์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ที่มีความหลากหลาย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

"ปั๊มน้ำมันแบรนด์คาลเท็กซ์ทั่วประเทศมีรวม 380 แห่ง ยังคงอยู่ในอันดับ TOP5 ของผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 7% และการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องร่วมกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่องเช่น บัตร The One Card, ทรู ฯลฯ จะช่วยรักษามาร์เก็ตแชร์ไว้ได้แน่นอน ซึ่งการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างมาก"

นายบุญญฤทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันค่าการตลาด (Margin) ของผู้ค้าน้ำมันยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเฉลี่ยที่ 1.50 บาท/ลิตร ในขณะที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) มีการศึกษาถึงระดับค่าการตลาดที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 1.80-2 บาท/ลิตร

ฉะนั้นภาครัฐควรพิจารณาประเด็นดังกล่าวด้วยเพื่อให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพที่จะลงทุนต่อเนื่องในอนาคต และสร้างมาตรฐานในการบริการที่ดีให้กับผู้บริโภคต่อไปด้วย สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันในปีหน้านั้นมองว่าราคาน้ำมันอาจจะผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับปีนี้

รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงานระบุว่า ปัจจุบันบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีจำนวนสถานีบริการน้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 1 รวม 1,604 แห่ง รองลงมาคือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) 1,240 แห่ง บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) 1,075 แห่ง บริษัท เอสโซ่(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 542 แห่ง บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด 494 แห่งและคาลเท็กซ์ 365 แห่ง

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1475416976

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

ครม.ไฟเขียวลดหย่อนภาษี2เท่า ลงทุนชายแดนใต้

          


ที่ประชุม ครม. อนุมัติแพ็คเกจลดหย่อนภาษี 2 เท่า จากการลงทุน- ขยายกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนใต้














            นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ในวันนี้ว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย 3 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส โดยกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในจังหวัดดังกล่าว สามารถหักรายจ่ายการลงทุนหรือการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้น ทั้งในส่วนของทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตสินค้าหรือการขายสินค้า หรือการให้บริการในจังหวัดดังกล่าว 

ทั้งนี้ การหักภาษีดังกล่าวจะไม่รวมการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิมได้เป็น โดยการหักลดภาษีนั้นจะให้เป็น 2 เท่า โดยรายจ่ายดังกล่าวนั้นจะต้องจ่ายไปตั้งแต่วันที่ครม.อนุมัติถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เท่านั้น โดยต้องเป็นสินทรัพย์ดังนี้ เครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ยานพาหนะที่จดทะเบียนในท้องที่ซึ่งไม่รวมถึงรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารนั่งไม่เกิน 10 คน และอาคารถาวร ซึ่งไม่รวมถึงที่ดินและอาคารถาวรที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัย 

ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหม่ในท้องที่ จะยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในจังหวัดดังกล่าว เป็นระยะเวลา 5 รอบบัญชี นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีต่อไปนี้ คือ ในกรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ยื่นคำร้องขอและได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก ส่วนกรณีที่ยื่นคำร้องขอและได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรระหว่างรอบระยะเวลาบัญชรใด ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกแม้จะมีระยะเวลาน้อยกว่า 1 เดือน 

อย่างไรก็ตาม บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวจะต้องจดทะเบียนจัดตั้งภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของกรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาทมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท 

สำหรับบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถสูงที่ไปทำงานในท้องที่ดังกล่าว กำหนดให้มีสิทธิเลือกเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากรที่ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในจังหวัดดังกล่าว ในอัตรา 3% ของเงินได้ โดยไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้พึงประเมินอื่นๆ ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา


ที่มา  : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/720204

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

คิกออฟรถไฟไทย-จีน เริ่มก่อสร้าง ธ.ค.นี้

คิกออฟรถไฟไทย-จีน เริ่มก่อสร้าง ธ.ค.นี้ 








                นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 14 ว่า ได้วางกรอบกำหนดของเอกสารประกวด ราคา (ทีโออาร์) โครงการรถไฟไทย-จีน ที่จะใช้เป็นเงื่อนไขกำหนดให้เอกชนไทยเข้ามารับงานก่อสร้างโครงการซึ่งส่วนนี้จำเป็นต้องรอข้อมูลลักษณะจำเพาะจากฝ่ายจีนที่จะถอดแบบรหัสวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งการออกแบบก่อน โดยปัจจุบันได้เร่งรัดให้ฝ่ายจีนสรุปรายละเอียดทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ เพื่อนำมาร่างสัญญาโครงการร่วมกันและนำเสนอขออนุมัติโครงการจาก ครม. ภายในเดือน ต.ค. เพื่อนำไปสู่การเปิดประกวดราคาจัดหาผู้รับเหมางานก่อสร้างในส่วนแรก 3.5 กม. บริเวณสถานีกลางดงในเดือน พ.ย. ที่จะถึงก่อนจะเริ่มก่อสร้างภายในเดือน ธ.ค. 2559
“ตอนนี้ก็จะต้องเร่งร่างสัญญา เพื่อทำเอกสารประกวดราคาให้เสร็จ เพราะที่ผ่านมายอมรับว่ายังติดปัญหาทำความเข้าใจไม่ตรงกัน ต้องชี้แจงกับฝ่ายจีนเพื่อปรับแบบรายละเอียดจากข้อมูลจำเพาะให้เป็นสากลเพื่อเทียบเป็นวัสดุในประเทศของไทยอีกซึ่งประเด็นนี้ได้รายงานให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งไปร่วมประชุม จี20 เพื่อหารือร่วมกับสีจิ้นผิง ผู้นำฝ่ายจีน ว่าขณะนี้รายละเอียดโครงการเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงประเด็นทางด้านเทคนิคและรายละเอียดเชิงลึก ทำให้ต้องปรับแบบก่อสร้างออกไปเป็นเดือน ธ.ค.นี้” นายอาคม กล่าว
สำหรับประเด็นเรื่องวงเงินที่จะใช้ในการพัฒนาโครงการนั้น เบื้องต้นได้ข้อสรุปแล้วว่าไทยจะใช้เงินภายในประเทศสกุลเงินบาททั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายสัญญาออกแบบและค่าที่ปรึกษาโครงการ ส่วนค่าใช้จ่ายของเงินวางระบบตัวรถนั้นจะทำการจัดซื้อในสกุลเงินหยวน หรือเหรียญสหรัฐ ซึ่งฝ่ายจีนยื่นข้อเสนอให้เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาเปรียบเทียบ และยังไม่ได้สรุปชัดเจนถึงอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น โดยกรอบวงเงินโครงการนั้นยังคงประเมินไว้ที่ 1.79 แสนล้านบาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมบุคลากร
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้หารือเพื่อสรุปรายละเอียดในส่วนของวงเงินก่อสร้างโครงการ ก่อนที่จะเริ่มเปิดประกวดราคาโครงการภายในปีนี้ โดยกระบวนการต่อไปหลังจากหารือสิ้นสุดลง ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะสรุปรายละเอียดวงเงินก่อสร้างเพื่อเสนอมายังกระทรวงในช่วงสัปดาห์หน้า ก่อนส่งต่อไปยัง ครม. เพื่อขออนุมัติโครงการในเดือน ต.ค.นี้


22 กันยายน 2559 เวลา 06:10 น.
ที่มา http://www.posttoday.com/biz/gov/455937

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

เวียดนามเปิดโอกาสต่างชาติเข้าลงทุนธุรกิจการเงิน





       ก้าวทันAEC – ส่องภาวะลงทุน ธนาคารกลางเวียดนามออกใบอนุญาตสำหรับธนาคาร CIMB ของมาเลเซียในการจัดตั้งหน่วยงานในเวียดนาม และถือเป็นธนาคารต่างชาติแห่งที่ 7 ที่ได้รับการอนุญาต ส่วนฟิลิปปินส์จะเปิดโอกาสให้มีการนำเข้าข้าวมากขึ้นภายในปีหน้า ขณะที่รัฐบาลกำลังพิจารณาที่จะยกเลิกการกีดกันการค้าข้าว ขณะที่รัฐบาลเมียนมากำลังขยายตลาดส่งออกข้าวผ่านระบบการค้าปกติ เล็งเจาะตลาดฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น ประเทศในแถบยุโรปและแอฟริกา

            นายโกสินทร์ เจือศิริภักดี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจสถาบันและการตลาดต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซียไซรัส จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวภาวะเศรษฐกิจต่างปรเทศว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอินโดนีเซียลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 113.3 ในเดือนส.ค. จาก 114.2 ในเดือนก.ค. เนื่องจากชาวอินโดนีเซียรู้สึกมีความเห็นในแง่ลบมากขึ้นเกี่ยวกับตำแหน่งงานว่าง และรายได้ อย่างไรก็ตามผู้บริโภคคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นมากในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยคาดว่าภาวะทางธุรกิจ รายได้ และตำแหน่งงานว่างจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียอยู่ที่ 2.79% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนธ.ค.2009
       โครงการนิรโทษกรรมทางภาษีของอินโดนีเซียมีแนวโน้มดึงดูดเงินให้ไหลกลับเข้าประเทศได้ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายเป็นอย่างมาก โดยทำรายได้ให้รัฐบาลเพียง 18 ล้านล้านรูเปียห์ในปี 2016 หรือเพียงแค่ 11 % ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ และจะทำรายได้อีก 3 ล้านล้านรูเปียห์ในปี 2017 แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 165 ล้านล้านรูเปียห์ (1.26 หมื่นล้านดอลลาร์) ในปี 2016 ซึ่งจะช่วยให้ยอดขาดดุลงบประมาณอยู่ในระดับไม่เกินเพดานทางกฎหมายที่ 3 % ของ GDP รวมทั้งการหาเงินมาใช้ดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
      ทั้งนี้อินโดนีเซียเริ่มดำเนินโครงการนิรโทษกรรมทางภาษีระยะ 9 เดือนในเดือนก.ค. โดยเสนออัตราค่าปรับที่ระดับต่ำสำหรับผู้ที่แจ้งสินทรัพย์ที่ไม่ได้เสียภาษีในประเทศหรือต่างประเทศภายในเดือนมี.ค. 2017 และนับตั้งแต่เริ่มมีการดำเนินโครงการนิรโทษกรรม ดัชนีตลาดหุ้นจาการ์ตาก็พุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 10 % โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จะมีเงินไหลกลับเข้ามาในประเทศมากยิ่งขึ้น
     Lion Air Group ยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบินของอินโดนีเซีย โดยสายการบินทั้ง 3 ได้แก่ Lion Air, Batik Airและ Wings Air ได้ให้บริการผู้โดยสารกว่า 20.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 48.4 ของทั้งตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 ตามมาด้วย Garuda Indonesia Group และ Sriwijaya Air Group ทางด้านประธานกรรมการของ Lion Air ระบุว่าส่วนแบ่งการตลาดของกลุ่มทีมีการเติบโตร้อยละ 5 ในปีที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันจะยังชะลอตัวอยู่ก็ตาม
มาเลเซีย
           มาเลเซียได้ต่ออายุสำหรับคำสั่งหยุดพักกิจกรรมการทำเหมืองบอกไซต์ออกไปอีกเป็นเวลากว่า 3 เดือน โดยต่ออายุออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. เนื่องจากเกิดการต่อต้านจากประชาชน หลังจากก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมเหมืองบอกไซต์เคยเฟื่องฟู โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์จากจีน และอินโดนีเซียห้ามการส่งออกแร่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามการขุดเหมืองดังกล่าวอย่างเร่งด่วนส่งผลให้มีการร้องเรียนเรื่องน้ำปนเปื้อน และสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลาย หลังจากนั้นรัฐบาลมาเลเซียก็ได้ประกาศในเดือนม.ค.ให้ระงับการทำเหมืองบอกไซต์เป็นต้นมา
         ยอดส่งออกของมาเลเซียลดลง5.3% ต่อปี ในเดือนก.ค.หลังจากเติบโต 3.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 15 เดือน เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจมาเลเซียได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงฉุดจากการส่งออกไปยังจีนและการร่วงลงของจำนวนส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดส่งออกอาจปรับขึ้น 2.5% ต่อปีในเดือนก.ค. นอกจากนี้ยอดนำเข้าของมาเลเซียลดลง 4.8% ต่อปีในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 8.3% ต่อปีในเดือนมิ.ย.
        เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2016 ธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia : BNM) ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 3% ซึ่งเป็นไปตามคาดเนื่องจากมีความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจซึ่งอาจส่งผลต่อความเติบโตของประเทศ อย่างไรก็ตาม มีความเห็นในแง่บวกที่ว่า ความเติบโตจะมีอย่างต่อเนื่องไปตลอดจนปี 2017 โดย BNM กล่าวว่า ขณะนี้มีกิจกรรมเพียงพอที่จะผลักดันเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าการเติบโตรายปี ร่วงลง 4% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเติบโตช้าสุดในรอบ 7 ทั้งนี้ รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการให้การขาดดุลงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมายที่ระดับไม่เกิน 3.1% ของ GDP แต่อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นสุดเดือนมิ.ย. การขาดดุลดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 5.5%
         ประเทศจีนมีความหวังที่จะผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศกับมาเลเซียให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีและความร่วมมือเชิงปฎิบัติการ ขณะเดียวกันจีนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเข้าร่วมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียยินดีที่จะเห็นการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการจีนในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมาเลเซียรวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งนี้ มาเลเซียสนับสนุนความร่วมมือทางการเงินระหว่างสอง และการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีน
          ผลสำรวจของ Knight Frank เผยว่า ราคาบ้านมาเลเซียพุ่งขึ้นสูงกว่าราคาบ้านในตลาดสหรัฐ สหราชอณาจักร ฮ่องกง และ สิงคโปร์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทำให้มาเลเซียถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีราคาขายบ้านสูงที่สุดในโลก เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาเลเซียถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 12 เนื่องจากมีราคาบ้านพุ่งสูงขึ้น 7.2% ในขณะที่ราคาบ้านสหรัฐ และ สหราชอณาจักรยังอยู่ในแนวเดิมเนื่องจากปรับตัวขึ้น 5.2% และ 5.1%
สิงคโปร์
         สิงคโปร์และออสเตรเลียตกลงกันเรื่องการดำเนินการแลกเปลี่ยน ข้อมูลทางการเงินของผู้มีภูมิลำเนาทางภาษีในสองประเทศโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะเริ่มต้นภายในเดือนก.ย. 2018 เพื่อสกัดกั้นการหลีกเลี่ยงภาษี ทั้งนี้สิงคโปร์, สวิตเซอร์แลนด์ และฮ่องกงซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินต่างประเทศ โดยสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการค้าของบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์ขนาดใหญ่หลายแห่ง และในปีที่แล้ว สิงคโปร์ก็ได้รับการเพ่งเล็งจากออสเตรเลียและประเทศผู้ผลิตทรัพยากรรายใหญ่ประเทศอื่นๆ เนื่องจากประเทศกลุ่มนี้ตั้งข้อสงสัยว่า บริษัทหลายแห่งใช้หน่วยงานในสิงคโปร์ในการหลีกเลี่ยงภาษี
          ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ระบุว่า มีสัญญาณขั้นต้นที่บ่งชี้ว่า การระบาดของโรคไวรัสซิกาในสิงคโปร์อาจจะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์ และขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบที่สิงคโปร์ได้รับจากโรคไวรัสซิกา โดยสิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการเดินทางและศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศ โรคไวรัสซิกาอาจจะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์ แต่ไม่มีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบสำคัญต่อผลผลิตทางเศรษฐกิจโดยรวม
           จากผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ ซึ่งจัดทำโดยธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะขยายตัว 1.8% ในปีนี้ ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ไว้ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้
           ขณะเดียวกัน คาดว่ายอดการส่งออกซึ่งไม่นับรวมสินค้าจำพวกน้ำมัน จะหดตัวลง 3.6% ในปีนี้ ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวลงเพียง 2.1% นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) รายเดือนจะปรับตัวลดลง 0.5% ในปีนี้
          ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของภาคการผลิตของสิงคโปร์ลดลง 0.5% สู่ระดับ 49.8 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน โดยมีสาเหตุจากการจ้างงานที่ซบเซา และการขยายตัวที่ลดลงของสินค้าคงคลังภาคการผลิต และสินค้าสำเร็จรูป ถึงแม้ผลผลิตในภาคโรงงาน, คำสั่งซื้อใหม่ และการส่งออกใหม่มีการขยายตัว ทั้งนี้ภาคการผลิตมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของเศรษฐกิจสิงคโปร์
          Channel News Asia (CNA) รายงานว่า สิงคโปร์มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านคนในช่วงครึ่งปีแรกหรือเพิ่มขึ้น 1.7 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยระบุว่านักเที่ยวที่เข้ามาอยู่ในสิงคโปร์โดยใช้เวลาต่ำกว่า 1 ปี (International Visitor Arrivals-IVA) มีจำนวน 4.1 ล้านคนหรือมีจำนวนเพิ่มขึ้น 14 % เช่นกัน ชาวต่างชาติที่มาสิงคโปร์ 5 อันดับแรก คือ จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลียและอินเดีย ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 53 % ของนักท่องเที่ยว IVA ทั้งหมด ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก มีเงินไหลเข้าประเทศ 5,400 ล้านสิงคโปร์ดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ฟิลิปปินส์
           ฟิลิปปินส์จะประกาศระงับการดำเนินงานของเหมืองแร่จำนวนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องในข้อหาละเมิดกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้สั่งระงับการดำเนินงานของเหมืองไปแล้ว 10 แห่ง ซึ่ง 8 แห่งในจำนวนนี้เป็นผู้ผลิตสินแร่นิกเกิล ทั้งนี้ฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้ผลิตแร่นิกเกิลรายใหญ่ที่สุดในโลก การสั่งระงับการดำเนินงานเหมืองในช่วงที่ผ่านมา และความเป็นไปได้ที่จะมีการสั่งระงับเพิ่มขึ้นอีกนั้น ส่งผลให้ราคานิกเกิลพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ระดับสูงกว่า 11,000 ดอลลาร์ต่อตันในวันที่ 10 ส.ค
           รัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุว่า ฟิลิปปินส์มีแผนที่จะระดมทุน 500 ล้านดอลลาร์ด้วยการขายพันธบัตรทั่วโลกในปีหน้าเพื่อช่วยสนับสนุนงบประมาณของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตในปี 2017 โดยรัฐบาลจะระดมทุน 1.2626 แสนล้านเปโซ (2.7 พันล้านดอลลาร์) ด้วยการขายพันธบัตรทั่วโลก และจากเงินกู้ช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการเพื่อนำไปช่วยสนับสนุนงบประมาณแห่งชาติวงเงิน 3.35 ล้านล้านเปโซในปีหน้า
           ฟิลิปปินส์จะเปิดโอกาสให้มีการนำเข้าข้าวมากขึ้นภายในปีหน้า ขณะที่รัฐบาลกำลังพิจารณาที่จะยกเลิกการกีดกันการค้าข้าว หลังจากได้ใช้ข้อจำกัดดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 1995 โดยกำหนดอัตราภาษีนำเข้าข้าวที่ 35% และกำหนดปริมาณการนำเข้าต่อปีของภาคเอกชนไว้ที่ 805,200 ตัน ซึ่งฟิลิปปินส์ได้เข้าขยายข้อจำกัดดังกล่าว 2 ครั้งนับตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิก WTO ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวมากกว่า 1 ล้านตันต่อปี โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากไทยและเวียดนาม ซึ่งรวมถึงการซื้อข้าวแบบปลอดภาษีของสำนักงานอาหารแห่งชาติ (NFA)
           ฟิลิปปินส์มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนส.ค. โดยพุ่งแตะระดับ 8.5895 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.39 พันล้านดอลลาร์ จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 8.5510 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งระดับทุนสำรองในเดือนส.ค. สามารถรองรับการนำเข้าได้ 10.5 เดือน และเทียบเท่ากับ 6 เท่าของหนี้นอกประเทศระยะสั้น โดยการเพิ่มขึ้นของทุนสำรองมีสาเหตุมาจากเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาล และการดำเนินธุรกรรมปริวรรตเงินตราของธนาคารกลาง รวมทั้งรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ
เวียดนาม
           ธนาคารกลางเวียดนามออกใบอนุญาตสำหรับธนาคาร CIMB ของมาเลเซียในการจัดตั้งหน่วยงานในเวียดนาม และถือเป็นธนาคารต่างชาติแห่งที่ 7 ที่ได้รับการอนุญาตดังกล่าว ทั้งนี้ CIMB Group Holdings Bhd เป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 5 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คิดจากมูลค่าสินทรัพย์ โดยใบอนุญาตมีอายุ 99 ปีซึ่งเริ่มต้นในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ทาง CIMB ยังมีแผนการขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศพม่าและฟิลิปปินส์ รองรับการขยายตัวของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผ่านมาในเดือนมี.ค. ธนาคารกลางเวียดนามได้อนุญาตให้แก่ Public Bank Berhad และในเดือนส.ค.นี้ยังได้อนุมัติข้อเสนอของธนาคาร Woori ของเกาหลีใต้ในการเข้ามาเปิดธุรกิจในเวียดนาม
           สายการบิน VietJet ของเวียดนามได้ทำข้อตกลงในการสั่งซื้อเครื่องบินรุ่น A321 กับ Airbus Group มูลค่ากว่า $ 2.39 พันล้าน โดยเครื่องบินจะถูกส่งให้กับ VietJet ระหว่างปี 2017 จนถึงปี 2020 ทั้งนี้สายการบิน VietJet เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนธันวาคมของปี 2011 และกำลังมองหาตลาดที่มีการเติบโตขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 20 ต่อปีในช่วงสามปีที่ผ่านมาเพื่อขยายตลาดซึ่งเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ทางสายการบินได้ระบุว่าจะสั่งซื้อเครื่องบิน Boeing 737-Max 200 จำนวน 100 ลำ เป็นมูลค่ากว่า $11.3 พันล้าน หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามาได้เดินทางมาที่เวียดนาม และในปีนี้สายการบิน VietJet กลายเป็นผู้ให้บริการสายการบินในประเทศที่ใหญ่ที่สุด และคาดว่าเวียดนามจะติดอันดับ 1 ใน10 ของโลก ด้านตลาดการบินที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
           รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้เงินกู้แก่รัฐบาลเวียดนามจำนวน 11 พันล้านเยนในปีงบประมาณ 2016 เพื่อช่วยปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมรวมทั้งความได้เปรียบในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ โดยเงินกู้ดังกล่าวซึ่งมีมูลค่าประมาณ 106 ล้านเหรียญสหรัฐจะช่วยรัฐบาลเวียดนามในการดำเนินโครงการ Economic Management and Competitiveness Credit programme (EMCC) ระยะที่ 3 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างการปฏิรูปในสาขาที่มีความสำคัญในช่วงปี 2016-2020
ลาว
           ในปีนี้ประเทศไทยได้เพิ่มการซื้อไฟฟ้าจากประเทศลาวสู่ระดับ 9,000 จาก 7,000 เมกะวัตต์เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็เพื่อให้มั่นใจว่าอุปทานเพียงพอ โดยข้อตกลงการจัดซื้อพลังงานได้ลงนามระหว่างที่นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมนายกรัฐมนตรีของประเทศลาว
           ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐ ให้คำมั่นระหว่างเยือนลาวเป็นเวลา 3 วันว่า จะจัดสรรงบประมาณ 90 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการสำรวจและจัดการผลกระทบอันเกิดจากระเบิดที่ยังไม่ระเบิดตกค้างอยู่ในลาว ในระยะ 3 ปีข้างหน้า โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐจะเข้ามาช่วยจัดหาบันทึกตำแหน่งของการทิ้งระเบิดในสงครามครั้งนั้น ทั้งนี้ลาวเป็นประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดมากที่สุดในโลกเมื่อเทียบจำนวนต่อหัวประชากร เมื่อครั้งสหรัฐเข้าไปทำสงครามลับภายใต้การนำของสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ช่วงปี 2507-2516
กัมพูชา
           ข้อมูลจากหน่วยงานเครดิต ระบุถึงการชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญของอัตราการกู้ยืมในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ โดยมีสาเหตุมาจากเกณฑ์ให้สินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นและอุปสงค์ของสินเชื่อที่น้อยลงจากภาคเกษตรกรรมซึ่งกำลังประสบภาวะยากลำบาก โดย Credit Bureau Cambodia (CBC) ระบุว่าใบคำขอสินเชื่อโดยรวม ซึ่งรวมถึงการเงินส่วนบุคคล, บัตรเครดิตและการจำนอง ปรับตัวลงร้อยละ 25 ในช่วงไตรมาสที่สองของปี ขณะที่ยอดค้างชำระการกู้ยืมสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.75 ในช่วงไตรมาสสอง แตะระดับ $ 2.73 พันล้าน
           Royal Group ซึ่งเป็นเครือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกัมพูชาจะเข้าร่วมในการระดมทุนเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ในจังหวัดพระสีหนุ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้หลังจากปี 2020 ขณะที่รายละเอียดขนาดการลงทุนยังไม่ได้มีการระบุอย่างแน่ชัด โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งแรกและแห่งที่สองได้เปิดดำเนินการไปแล้วในเดือนพ.ย. ปี 2014 และเดือนมี.ค. ปี 2015 และปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 270 เมกะวัตต์ และขณะนี้การพัฒนาโรงไฟฟ้าในเฟสที่ 3 นี้จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 135 เมกะวัตต์ ทั้งนี้โรงไฟฟ้าพลังงาน 700 เมกะวัตต์ เป็นความร่วมมือระหว่าง Cambodian People’s Party Senator Lao Meng Khin’s Cambodia InternaYonal Investment Development Group (CIIDG) กับ Erdos Hongjun Electric Power Co. ของจีนด้วยมูลค่ากว่า US$ 383 ล้าน
           Bank of China ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 ธนาคารายใหญ่ของรัฐบาลจีนจะขยายการดำเนินงานในประเทศกัมพูชาโดยการเปิดสาขาใหม่ในเสียมเรียบและสีหนุวิลภายในสิ้นปีนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการการลงทุนจากจีนมายังกัมพูชามากขึ้น ทั้งนี้ Bank of China ได้เริ่มดำเนินการในประเทศกัมพูชาตั้งแต่ปี 2010 และปัจจุบันมีสาขา 2 แห่งในเมืองหลวง โดยธนาคารจัดอยู่ในระดับแนวหน้าของการส่งเสริมการทำธุรกรรมทางธุรกิจในสกุลเงินหยวนของจีนซึ่งนำเสนอการบริการโอนเงินข้ามพรมแดน การลงทุนและการชำระเงินสำหรับการนำเข้าและส่งออก
           โดยในปีที่ผ่านมาธุรกรรมข้ามพรมแดนของเงินหยวนพุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 80 เมื่อเทียบรายปีต่อไปตามรายงานประจำปีของสาขาธนาคารแห่งประเทศจีนขณะที่ทางธนาคารมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.8 เมื่อเทียบกับ ปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามการใช้เงินหยวนในกัมพูชายังมีข้อจำกัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจของกัมพูชายังคงอ้างอิงกับเงินสกุลดอลลาร์สรอ. มากกว่า
เมียนมา
           รัฐบาลเมียนมากำลัง พยายามขยายตลาดส่งออกข้าวผ่านระบบการค้าปกติ โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาพันธ์ข้าวแห่งเมียนมาเล็งเจาะตลาดฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น ประเทศในแถบยุโรปและแอฟริกา รวมทั้งกำลังร่วมมือกับจีน เพื่อเพิ่มโควตาการส่งออกข้าว และกำลังพยายามขยายช่วงเวลาที่ถูกกำหนดไว้ในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับ การส่งออกข้าว 300,000 ตัน ไปยังอินโดนีเซีย ข้อมูลสถิติการ ส่งออกข้าวของเมียนมาร์ระบุว่า มูลค่าการส่งออกข้าวในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559-2560 อยู่ที่ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14 ล้านบาท) โดยร้อยละ 80 ของมูลค่าทั้งหมดเป็นการส่งออกข้าวไปยังจีนผ่านการค้าชายแดน

ที่มา : https://www.thunhoon.com/42712-2/

บริษัทผลิตไฟฟ้าลาวออกหุ้นกู้ในไทยผ่านฉลุย

ก้าวทันAEC – EDL-Generation ออกหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ขนาดใหญ่ที่สุดสำเร็จในประเทศไทย



EDL-Generation Public Company (“EDL-Gen”) บริษัทผลิตไฟฟ้าชั้นนำของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประสบความสำเร็จในการกำหนดราคาหุ้นกู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 312 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,800 ล้านบาท) ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2559 หุ้นกู้ครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับที่ BBB+ จากบริษัททริส เรทติ้ง จำกัด แบ่งเป็นสามชุด ระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนคือ 7, 10 และ 12 ปี อัตราดอกเบี้ยที่ 5.00%, 5.59% และ 5.98% ต่อปีตามลำดับ จัดจำหน่ายเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2559 ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ภายใต้ข้อกำหนดหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยมีบริษัททวิน ไพน์ กรุ้ป จำกัด เป็นที่ปรึกษาหลัก ส่วนธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่ผู้จัดการจัดจำหน่ายร่วม
EDL-Gen ออกหุ้นกู้ครั้งแรกจำนวน 6,500 ล้านบาทเมื่อเดือนธันวาคม 2557 ได้รับรางวัลและการตอบรับอย่างมากจากตลาดทุนนานาชาติ สำหรับครั้งนี้ เป็นการออกหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ครั้งแรก จะเป็นอีกหนึ่งในธุรกรรมการเงินครั้งสำคัญสำหรับ EDL-Gen ในหลายๆ ด้าน ซึ่งหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์โดย EDL-Gen ที่ออกมาเป็นครั้งแรกนี้ เป็นหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย และ EDL-Gen กลายเป็นบริษัทเอกชนผู้ออกหุ้นกู้รายแรกที่ตราสารหนี้มีระยะเวลาครบกำหนด 12 ปีจากตลาดตราสารหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศของไทย และระยะเวลา 12 ปีนี้ยังเป็นตราสารหนี้ที่มีอายุนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ EDL-Gen
การเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวช่วยให้ EDL-Gen ขยายฐานนักลงทุนออกไปได้กว้างขึ้น โดยมีการกระจายหุ้นกู้นี้ไปยังสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Financial Institution) (48.1%), บริษัทประกันภัย (43.3%) นักลงทุนรายใหญ่ภายในประเทศ (2.2%) และนักลงทุนรายใหญ่ที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (6.4%) นับเป็นครั้งแรกที่การจัดหน่ายหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศเสนอขายให้แก่นักลงทุนรายใหญ่ทั้งภายในประเทศและที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ ซึ่งเน้นให้เห็นถึงความน่าเชื่อถืออันแข็งแกร่งของ EDL-Gen ในหมู่นักลงทุน
การจัดจำหน่ายหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์นี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญ แข็งแกร่งและสภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้และทุนของประเทศไทย ตลอดจนความน่าเชื่อถืออันแข็งแกร่งของ EDL-Gen ในฐานะผู้ออกหุ้นกู้ในตลาดทุนในภูมิภาคที่เชื่อมโยงบูรณาการกันมากขึ้นเรื่อยๆ
“เรายินดีที่ประสบความสำเร็จอีกครั้งในการดำเนินธุรกรรมข้ามพรมแดนครั้งสำคัญนี้ โดยเป็นบริษัทเอกชนต่างประเทศรายแรกที่ออกหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ในตลาด ซึ่งต้องขอบคุณนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นในความน่าเชื่อถือของบริษัท EDL-Gen การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางการเงินที่แข็งแกร่งของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะช่วยพัฒนาให้เรารุดหน้าไปสู่เป้าหมายประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” นางรัตนา ประทุมวรรณ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EDL-Gen กล่าว

ที่มา : 
https://www.thunhoon.com/บริษัทผลิตไฟฟ้าลาวออกห/

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

TMB คาดกนง.รอบนี้คงดอกเบี้ย หลังการลงทุนภาคเอกชนยังมีความไม่แน่นอน-ส่งออกยังหดตัว



TMB คาดกนง.รอบนี้คงดอกเบี้ย หลังการลงทุนภาคเอกชนยังมีความไม่แน่นอน-ส่งออกยังหดตัว 








ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 14 ก.ย.นี้ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ทั้งนี้มองว่ายังมีช่องว่างให้ลดดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทยยังสูงอยู่

สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองขยายตัวดีขึ้นที่ 3.5% เพิ่มขึ้นจาก 3.2% ในไตรมาสหนึ่ง และ 2.8% ในปี 2558 ทั้งนี้ มุมมองเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังยังมีการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยภาครัฐได้ออกมาตรการสนับสนุนเพื่อเร่งการเบิกจ่ายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2560 อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวก็มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนก.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 10.8% (yoy) แม้จะยังไม่ใช่ช่วงฤดูท่องเที่ยว ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มขยับเข้าสู่กรอบเป้าหมายจากราคาอาหารและพลังงานที่เริ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ทำให้การส่งออกของไทยหดตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 และมีแนวโน้มที่จะยังคงติดลบที่ 1.9% ในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งการลงทุนภาคเอกชนยังไม่กลับมา สะท้อนจากความเชื่อมั่นภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ตลอดจนการบริโภคภาคเอกชนที่จะชะลอตัวหลังปัจจัยบวกชั่วคราวหมดไป

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมี policy space ในการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ โดยหากเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง (อัตราดอกเบี้ยนโยบายหลังหักอัตราเงินเฟ้อ) ของประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย อัตราดังกล่าวของไทยจะอยู่ที่ 1.52% ซึ่งต่ำกว่า 1.58% ของประเทศอินโดเซีย แต่สูงกว่าของหลายประเทศในเอเชีย เช่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ และไต้หวันที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงอยู่ที่ 0.55% 0.41% และ 0.40% ตามลำดับ

"การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะกระตุ้นพฤติกรรม search for yield หรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้น ทำให้ราคาของสินทรัพย์เสี่ยงเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่แท้จริง ซึ่งอาจส่งผลลบต่อเสถียรภาพการเงิน" ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุ

โดยรวมแล้ว ถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทยยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่เพราะพฤติกรรม search for yield และภาวะความผันผวนภายนอกที่สูงนั้น การรักษา policy space ไว้จึงยังเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งนี้ การส่งออกยังมีแนวโน้มหดตัว อีกทั้งความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน ศูนย์วิเคราะห์ฯ จึงคาดว่า กนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ในการประชุมวันที่ 14 ก.ย.นี้

REF : http://www.ryt9.com/s/iq03/2506047

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

BAY เร่งเครื่องส่งเสริมลงทุนเตรียมจับคู่ธุรกิจไทย-ญี่ปุ่นครั้งใหญ่ปลายปีนี้






     ก้าวทันAEC – BAY ผนึกความร่วมมือกับธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิยูเอฟเจ (BTMU) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok)สนับสนุนการลงทุนของธุรกิจไทยในญี่ปุ่น คาดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจครั้งใหญ่ปลายปีนี้ และเครือข่ายธุรกิจของธนาคารในกลุ่มประเทศ CLMV

    นายมาซาอากิ ซูซูกิ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) BAY  กล่าวว่าธนาคาร และ BTMU นับเป็นองค์กรเอกชนแห่งแรกที่ลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับเจโทร กรุงเทพฯ เพื่อเร่งผลักดันธุรกรรมการค้าและการลงทุนทั้งสองประเทศ โดยกรอบความร่วมมือดังกล่าวสะท้อนนโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยและญี่ปุ่น รวมทั้งตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าบริษัทไทย บริษัทญี่ปุ่น และบรรษัทข้ามชาติอีกด้วย
เจโทร กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในสำนักงานต่างประเทศที่สำคัญของเจโทร ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น 80 แห่งทั่วโลกและยังเป็นศูนย์กลางประสานงานของสำนักงานเจโทรในภูมิภาคเอเชียโดยมีบทบาทในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-ญี่ปุ่น และผลักดันเพิ่มการนำเข้าของสินค้าไทยสู่ตลาดญี่ปุ่น
“นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กรุงศรีได้จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจและสัมมนาให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมของธุรกิจการค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่เชื่อมโยงการค้าและการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของกลุ่ม Japanese Banking/ Multinational Banking ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าธุรกิจผ่านบริการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการค้าและธุรกิจระหว่างประเทศและคาดว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีนักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะขยายความร่วมมือด้านการค้ากับผู้ประกอบการธุรกิจในไทยและเครือข่ายธุรกิจของธนาคารในกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มขึ้นผ่านกิจกรรม Krungsri-MUFG Business Matching”นายซูซูกิ กล่าว

ที่มา
https://www.thunhoon.com/39755-2/